เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช (ศอ.ปส.) จ.นครศรีธรรมราช ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (พสน.สพป.) นครศรีธรรมราช เขต 3 ออกกวาดล้างยาเสพติดในสถานศึกษาในพื้นที่ ด้วยการสุ่มตรวจปัสสาวะนักเรียนกลุ่มเสี่ยงในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ สังกัด สพป.นครศรีธรรมราช เขต 3 ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล-ม.3 มีนักเรียนรวม 211 คน ครู 18 คน ผลการตรวจสอบพบสารเสพติดในกระแสเลือด 9 คน สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นักเรียนเหล่านั้นทั้งเสพกัญชา น้ำกระท่อม ยาอัลปราโซแลม และสูบบุหรี่ แต่ที่สร้างความตกใจให้คณะจ้าหน้าที่มากที่สุดคือ การตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของนักเรียนชายชั้น ป. 2 อายุ 8 ขวบคนหนึ่ง

จากการพูดคุยสอบทราบว่า ติดและเสพยาเสพติดหลายชนิด ทั้งกัญชา น้ำกระท่อม ยาอัลปราโซแลม และบุหรี่ เนื่องจากพี่ชายอายุ 13 ปี เรียนชั้น ม. 1 โรงเรียนเดียวกันลักลอบนำยาอัลปราโซแลมมาขายให้เด็ก ๆ ในโรงเรียน และเป็นผู้ชักชวนให้ทดลองเสพ โดยขณะเจ้าหน้าที่ขอตรวจปัสสาวะ แต่เด็กคนดังกล่าวขัดขืน ก่อนจะรีบวิ่งหลบหนีไป

ทั้งนี้หลังได้รับรายงานนายพีระศักดิ์ ได้กำชับให้นายประจักษ์ ช่างเรือ ผอ.สพป.นครศรีธรรมราช เขต 3 และ ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมคณะครู อาจารย์ รวมทั้งเจ้าหน้าหน้าที่ ศอ.ปส จ.นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามพฤติกรรมของนักเรียนที่ติดยาเสพติดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนักเรียนชั้น ป. 2 และพี่ชาย ซึ่งต้องติดตามและช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด พร้อมนำตัวส่งบำบัดโดยเร่งด่วนและต่อเนื่อง โดยกรณีดังกล่าวนับเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญ ในเรื่องการแพร่ระบาดของยาเสพติดในกลุ่มนักเรียนและเด็กเล็ก กรณีที่พบถือว่าเป็นผู้ติดยาเสพติดที่มีอายุน้อยมี่สุด ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แจ้งประสานให้ตำรวจ สภ.เชียรใหญ่ ติดตามตัวเด็กนักเรียนวัย 13 ปี พี่ชายของเด็กวัย 8 ขวบมาเข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และบำบัดยาเสพติด แต่เมื่อตำรวจไปตรวจสอบที่บ้านพบว่าเด็กได้หลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามตัวมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.