ReadyPlanet.com
ยังไม่มีสมาชิกที่ล็อกอินในขณะนี้
bulletบุคคลทั่วไป 11 คน
dot
dot
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot
dot
dot
จำนวน : 0 ชิ้น
ราคา : 0.00บาท
bullet ดูสินค้า
bullet ชำระเงิน
dot

ราคาสินค้า
หมวดสินค้า
ยี่ห้อสินค้า

  [Help]
dot
สินค้าทั้งหมด
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
 ยาอม/ยาดม/ยาหม่อง
ควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนัก
ว่านหางจระเข้ Aloe Vera เจลว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้รักษาสิว ครีมว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้ทาหน้า สรรพคุณว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้พอกหน้า
ผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก
ให้เช่าพื้นที่โฆษณาโดยร้านขายยาคลีนิกยาเว็ปไซต์อันดับหนึ่งจัดอันดับโดย google.co.th


การดูแลช่องปาก และความรู้เรื่องยาสีฟัน

 

 

 

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน


 

การดูแลช่องปาก และความรู้เรื่องยาสีฟัน

ที่มา:pharmacy.mahidol

ยาสีฟันที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน พวกเราเคยสงสัยหรือไม่ว่ายาสีฟันช่วยรักษาฟันได้อย่างไร และเราควรเลือกซื้อชนิดไหนที่เหมาะสมกับแต่ละคน 

ปัจจุบันจะพบโฆษณายาสีฟันที่ใช้แล้วทำให้ฟันขาว ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่ายาสีฟันเป็นยาวิเศษ ความจริงยาสีฟันไม่มีประสิทธิภาพทำให้ฟันขาวขึ้นจากธรรมชาติของแต่ละคน หากแต่กลไกการทำงานของยาสีฟันจะทำหน้าที่ขจัดคราบที่เกาะติดอยู่ ทำให้เห็นเนื้อฟันที่ขาวโดยธรรมชาติให้ปรากฏขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับน้ำยาล้างรถ เมื่อเราล้างรถให้สะอาด ก็จะเห็นสีรถเป็นเงางามสดใส ยาสีฟันก็เช่นกัน ยาสีฟันในท้องตลาดมีหลากหลายยี่ห้อหลากหลายคุณภาพ การแข่งขันทำให้ผู้ผลิตพยายามพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ถูกใจผู้บริโภค โดยการเติมสารฟอกขาวในยาสีฟันเพื่อฟอกและกัดให้ฟันขาว สารฟอกขาวเหล่านี้หากใช้นานๆ จะมีผลไปกัดกร่อนเนื้อฟันชั้นนอกออกจนหมด ผลก็คือฟันจะเริ่มเหลืองและจะเสียวฟันต่ออุณหภูมิร้อนเย็น 

 

ยาสีฟันมีกลไกการทำงานอย่างไร? 

ช่องปากเปรียบเสมือนสวนสัตว์เล็กๆส่วนตัว ประกอบไปด้วยเชื้อจุลินทรีย์กว่า 500 ชนิดอยู่รวมกันซึ่งเป็นสิ่งตกค้างจากเศษอาหารที่เกาะอยู่ตามซอกฟัน เชื้อจุลินทรีย์เจริญเติบโตได้จากเศษอาหารที่ตกค้างในปาก และหมักหมมจนก่อให้เกิดกรดและสารระเหยของซัลเฟอร์โมเลกุล กรดที่เกิดขึ้นจะกัดกร่อนเนื้อฟันให้ผุจนเป็นหลุม ในขณะที่สารระเหยของซัลเฟอร์โมเลกุลจะระเหยออกจากช่องปากส่งกลิ่นเหม็นทุกครั้งที่เราพูด ยาสีฟันจะทำงานร่วมกับแปรงสีฟัน ขัดและขจัดคราบและเศษอาหารตามซอกฟันออก ทำให้ช่องปากและฟันสะอาด เป็นการต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ 

ยาสีฟัน โดยทั่วไปมีองค์ประกอบ ดังนี้

  1. ผงขัดฟัน เช่น แคลเซี่ยมฟอสเฟท อลูมินา แคลเซี่ยมคาโบเนท และ แคลเซี่ยมซิลิกา ยาสีฟันที่ดีควรจะมีปริมาณและชนิดผงขัดฟันเหมาะสมและเพียงพอที่จะขัดคราบที่เกาะอยู่บนผิวฟันได้ แต่ต้องไม่มากเกินไปหรือไม่ใช่ชนิดที่หยาบเกินไปเพราะจะไปทำลายเนื้อฟัน ทำให้เสียวฟันและฟันเหลือง
  2. ยาสีฟันยังประกอบไปด้วยสารทำความสะอาดที่ทำให้เกิดฟองเวลาสีฟัน สารทำความสะอาดในยาสีฟันส่วนใหญ่คือ โซเดี่ยมลอริ่วซัลเฟท
  3. สารแต่งกลิ่นอื่นๆในปริมาณเข้มข้น และเนื่องจากลิ้นของคนเราสามารถรับรสได้มากมาย ดังนั้นยาสีฟันจึงต้องปรุงแต่งรสให้ออกหวานเล็กน้อย ส่วนใหญ่มักนิยมใช้น้ำตาลสังเคราะห์ เช่น แซคคาริน สารแต่งรสหวานก็นับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ฟันผุได้ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์แนะให้ผู้ผลิตหันมาใช้สารแต่งรสหวานจากธรรมชาติคือ ไซลิทอล (xylitol) ซึ่งปลอดภัยและไม่มีผลทำให้ฟันผุ แต่ราคาจะแพงกว่าชนิดอื่นๆ
  4. สารเพิ่มความชุ่มชื้นให้เนื้อยาสีฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อยาสีฟันแห้งหรือแข็งจนบีบไม่ออก
  5. สารเพิ่มความข้นหนืด เพื่อให้เนื้อยาสีฟัน ถูกบีบออกเป็นแท่งจากหลอดได้ง่าย
  6. สารสำคัญในยาสีฟันยังนิยมที่จะใส่ ‘ฟลูออไรด์’ สารชนิดนี้เมื่อแทรกอยู่ในเนื้อฟัน จะช่วยต่อต้านกรดที่เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ ป้องกันฟันผุอย่างได้ผล

ประเภทของยาสีฟัน และ วิธีเลือกซื้อยาสีฟัน

  1. โดยทั่วไป ยาสีฟันชนิดไหนก็น่าจะใช้ได้ทั้งนั้นถ้าประกอบไปด้วยฟลูออไรด์ ซึ่งจะช่วยป้องกันฟันผุและช่วยให้ฟันแข็งแรง
  2. แนะนำให้เลือกใช้ยาสีฟันที่ประกอบไปด้วยสารขัดฟันในปริมาณน้อย จะได้ไม่ทำให้ชั้นนอกของเนื้อฟันหรือ อีนาเมล (enamel) ถูกทำลาย แม้ว่าสารขัดฟันจะช่วยให้ฟันสะอาดและขาว แต่ผลเสียคือทำให้ชั้นอีนาเมลสึก เนื้อฟันชั้นในคือเดนทิน (dentin) ซึ่งมีรูพรุน อุณหภูมิร้อนเย็นจากอาหารจะสามารถแทรกซึม และสัมผัสกับปลายเส้นประสาท ผลคือจะเสียวฟันทุกครั้งที่รับประทานอาหารร้อนหรือเย็นจัด
  3. ยาสีฟันชนิดเฉพาะบุคคล เช่น
    • ผู้ที่มีแผลในช่องปากบ่อยๆ อาจเกิดจากสารทำความสะอาดหรือสารก่อฟองในยาสีฟันคือ โซเดี่ยมลอริ่วซัลเฟท (Sodium lauryl sulphate) ควรหันไปซื้อชนิดอื่นที่ปราศจากสารดังกล่าวแทน ซึ่งมักจะระบุที่ข้างหลอดหรือกล่องบรรจุว่า ปลอดภัยสำหรับอีนาเมล หรือ
    • ยาสีฟันช่วยให้ฟันขาว คุณสมบัติของยาสีฟันจะขจัดคราบที่ติดแน่นที่ผิวฟัน เช่น คราบบุหรี่ กาแฟ ทำให้ฟันสะอาดและความขาวของเนื้อฟันปรากฏ แต่ไม่ได้มีผลฟอกฟันให้ขาว
    • ยาสีฟันแก้เสียวฟัน สำหรับผู้ที่เสียวฟัน ควรเลือกใช้ยาสีฟันชนิดที่ป้องกันการเสียวฟัน ซึ่งเนื้อยาสีฟันจะลดปริมาณสารขัดฟันและมีองค์ประกอบของสารโปรตัสเซี่ยมไนเตรท ซึ่งจะช่วยลดอาการเสียวฟันได้บ้าง แต่หากไม่ได้ผล อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ยาสีฟันที่มีองค์ประกอบของสารฟลูออไรด์สูง ฟลูออไรด์จะไปอุดรูพรุนของเนื้อฟัน ทำให้ปลายเส้นประสาทไม่สัมผัสกับความร้อนเย็นของอาหาร
    • ยาสีฟันสำหรับผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบ การเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปากนอกจากทำให้ฟันผุแล้ว สารพิษหรือทอกซินที่ปลดปล่อยจากแบคทีเรียจะไปทำลายเนื้อเยื่อของเหงือก ทำให้เลือดออกและอักเสบ ยาสีฟันที่มีองค์ประกอบของสารแต่งรสที่เป็นน้ำตาลหรือน้ำตาลเทียม ก็มีผลทำให้สภาวะช่องปากเป็นกรดและส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ยาสีฟันชนิดที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบจะมีสาร ‘ไซลิทอล’ เป็นองค์ประกอบ ไซลิทอลเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่เกิดการหมักหมมและไม่ถูกสลายให้เป็นกรดโดยเชื้อจุลินทรีย์ในปาก จะช่วยให้เกิดความสมดุลของความเป็นกรดกับด่างในช่องปากได้ดี และสภาวะที่ไม่เป็นกรดจะต้านการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปากได้ดี ดังนั้นยาสีฟันที่มีไซลิทองเป็นองค์ประกอบในปริมาณสูง จะช่วยลดอาการเหงือกอักเสบได้
    • ยาสีฟันสำหรับเด็ก เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ ยาสีฟันที่ดีสำหรับเด็กจะมีองค์ประกอบที่ปราศจากน้ำตาลเพื่อป้องกันฟันผุ และต้องผสมสารฟลูออไรด์ รวมทั้งสารขัดฟันเช่นเดียวกับยาสีฟันของผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเด็กเล็กมีโอกาสที่จะกลืนยาสีฟันเข้าไประหว่างการสีฟัน สมาคมฑันตแพทย์ศาสตร์ จึงแนะนำให้ผู้ปกครองหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันในทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 18 เดือน และแนะนำให้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในปริมาณต่ำๆสำหรับเด็กอายุระหว่าง 18 เดือน ถึง 6 ปีเพื่อป้องกันการสะสมของสารฟลูออไรด์มากเกินไปในเนื้อฟันทำให้เกิดโรคฟันตกกระ (fluorosis) โรคฟันตกกระนี้มีสาเหตุมา จากการที่ผู้ป่วยได้รับปริมาณฟลูออไรด์มากกว่าปกติในช่วง พัฒนาฟัน (tooth development) ทำให้เกิดความผิดปกติ ในการสะสมแร่ธาตุในตัวฟัน และแสดงลักษณะทางคลินิก คือมีแถบหรือจุดสีขาว สีเหลืองเข้ม หรือสีน้ำตาลเข้ม
    • ยาสีฟันสำหรับขจัดคราบหินปูน การสะสมของคราบหินปูน สามารถนำไปสู่โรคเหงือกอักเสบได้แม้ว่าการขัดสีฟันทุกเช้าเย็น จะช่วยขจัดคราบหินปูนได้ แต่ฑันตแพทย์ จะช่วยทำหน้าที่ขัดออกได้ดีกว่า อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ยาสีฟันเกือบทุกชนิดมีองค์ประกอบของสารขจัดคราบหินปูนอยู่แล้ว

หลักการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี

  1. ควรพิจารณาเลือกยาสีฟัน ที่มีองค์ประกอบของฟลูออไรด์ เพื่อป้องกันฟันผุ
  2. ควรเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม จะได้ไม่ทำลายเนื้อฟันชั้นนอกระหว่างการแปรงฟัน และควรแปรงฟันอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 2ครั้งเช้าและเย็น
  3. ใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วย ช่วยขจัดเศษอาหารตามซอกฟัน
  4. หลีกเลี่ยงอาหาร ชนิดที่มีความหวานมากเกินไป และอาหารจำพวกแป้ง ทั้งน้ำตาลและแป้ง เป็นอาหารเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์อย่างดี ทำให้เชื้อจุลินทรีย์ในช่องปากเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว



เอกสารอ้างอิง

  1. http://www.webmd.com/oral-health/guide/weighing-your-toothpaste-options?
  2. https://www.choice.com.au/health-and-body/dentists-and-dental-care/dental-products/articles/toothpaste-whats-the-difference
  3. ฟาริดา เพียงสุข และสาวิตรี วะสีนนท์ การยึดติดในฟันตกกระ Adhesive Strategies of Bonding to Fluorosed Teethเชียงใหม่ ทันตสาร 2557; 35(2) : 13-23



คลินิกสุขภาพ

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า
วิตามินช่วยเรื่องการนอน
เซ็กส์ครั้งแรกฟินหรือเจ็บ
ทำไมต้องวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง?
ใส่หน้ากากอนามัยอย่างไร จึงจะเรียกว่าป้องกันได้ถูกต้อง
3 สาเหตุ ที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้
เหตุผลที่ควรดูแลสายตาของลูกช่วงก่อนอายุ8-9ปีเป็นพิเศษ
รู้ทัน อาการนอนไม่หลับ อันตรายกว่าที่คิด
ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้มอร์ฟีน
ข้อเท็จจริง 8 ข้อเกี่ยวกับมะเร็งผิวหนังที่ไม่ค่อยมีใครรู้
ลูกร้องไม่หยุดทำไง?! 5 วิธีปราบโคลิคให้ทารกอย่างได้ผล
วิธีออกกำลังแล้วไม่เหนื่อย และดีต่อสุขภาพ
ความรู้เรื่องการทำหมันหญิง
การป้องกันการล้มในผู้สูงอายุ (Falls prevention in elderly)
7 คุณประโยชน์จากส้ม
เหตุผลที่จำเป็นทาครีมกันแดดทุกวัน
ความจริงเกี่ยวกับ ซุปไก่สกัด
ข้อดีและข้อเสียของเครื่องดื่มชูกำลัง
การป้องกันท้องผูกในผู้สูงอายุ (Prevention of elderly constipation)
ซิงค์ คืออะไร