
โลหิตจางและอาหารเสริมเพิ่มธาตุเหล็ก ภาวะขาดธาตุเหล็ก ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia) เป็นอาการของการขาดธาตุเหล็กที่รุนแรงที่สุดและพบบ่อยในประเทศที่กำลังพัฒนา 40% ถึง 60% ของประชากรเด็กอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 2 ปี ในประเทศที่กำลังพัฒนามีปัญหาขาดธาตุเหล็ก ข้อมูลการศึกษาในประเทศไทย เด็กเล็กก่อนวัยเรียนยังมีปัญหาการขาดธาตุเหล็กมาก แต่ในเด็กวัยเรียนปัญหานี้น้อยลงกว่าอดีต การขาดธาตุเหล็กมีสาเหตุจากอะไร? ในประเทศกำลังพัฒนา พยาธิปากขอเป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีเลือดออกในลำไส้เรื้อรัง และทำให้เกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ในผู้ใหญ่เพศชาย มักเกิดจากเลือดออกในทางเดินอาหารที่ไม่ได้เกิดจากพยาธิ (เกิดจากการใช้ยาแก้ปวดบางชนิดหรือจากมะเร็งในทางเดินอาหาร) ในผู้ใหญ่เพศหญิงวัยยังมีประจำเดือน มักเกิดจากการเสียเลือดจากประจำเดือนมากผิดปกติ แต่ในวัยหมดประจำเดือน สาเหตุจะเช่นเดียวกับในผู้ชาย ในเด็กอายุขวบปีแรก ภาวะขาดธาตุเหล็กมักเกิดจากการดื่มนมวัวปริมาณมาก (มากกว่า 2 ลิตรต่อวัน) หรือการให้นมแม่นานกว่า 6 เดือนโดยไม่ให้อาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กเพียงพอ เนื่องจากเด็กมีการเจริญเติบโตรวดเร็ว เช่น ในขวบปีแรก หรือในวัยรุ่นต้องการธาตุเหล็กมาก หากได้ธาตุเหล็กไม่เพียงพอกับการเจริญเติบโตนั้น จะทำให้เกิดภาวะขาดธาตุเหล็กด้วย ในเด็กเล็ก และเด็กทั่วไป การได้รับอาหารไม่เพียงพอเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก ภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็กมีอาการอย่างไร? ภาวะโลหิตจางเป็นอาการสำคัญที่สุดของภาวะขาดธาตุเหล็ก เมื่อมีภาวะโลหิตจางไม่มาก หรือมีโลหิตจางปานกลาง ร่างกายจะปรับตัวได้ แต่หากไม่ได้รับการรักษา อาการจะมากขึ้น และถ้ายังไม่ได้รับการรักษาอีก ผู้ป่วยอาจโลหิตจางมากจนเกิดภาวะหัวใจวายได้ ผู้ป่วยที่ขาดธาตุเหล็ก จะมีอาการ ตัวซีด ริมฝีปากซีด เหนื่อยง่าย เวียนศีรษะบ่อย ปวดศีรษะบ่อย หงุดหงิดง่าย อาจมีการอยากกินของแปลกๆ อาจมีลิ้นซีดและลิ้นมีผิวเรียบ ไม่ขรุขระเหมือนปกติ ริมฝีปาก และมุมปากอักเสบ อาจจะมีเล็บบาง หรืองอนคล้ายช้อน เด็กที่ขาดธาตุเหล็กจะหงุดหงิด ไม่อยากรับประทานอาหาร ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม อาจมีพฤติกรรมและพัฒนาการผิดปกติ รวมทั้งผลการเรียนด้อยลง แพทย์จะใช้เกณฑ์การวินิจฉัยภาวะโลหิตจางซึ่งแตกต่างกันตามอายุของผู้ป่วย ร่วมกับหลักฐานการขาดธาตุเหล็ก โดยการตรวจเลือดซีบีซี (CBC) และอาจร่วมกับการตรวจเลือดดูปริมาณธาตุเหล็กในร่างกาย แต่ในแหล่งที่ไม่สามารถตรวจเลือดได้ จะใช้วิธีลองให้กินยาธาตุเหล็ก 4-6 สัปดาห์ แล้วติดตามผลว่า อาการดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งการรักษาและการวินิจฉัยโดยวิธีกินยาธาตุเหล็กแล้วติดตามอาการผู้ป่วยว่าดีขึ้นหรือไม่ เป็นที่ยอมรับเป็นสากล รักษาภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็กอย่างไร? แนวทางการรักษาภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก ได้แก่ - หาสาเหตุ และกำจัด หรือ รักษาสาเหตุนั้นๆ เช่น การรักษาพยาธิปากขอ เมื่อสาเหตุเกิดจากพยาธิปากขอ เป็นต้น - รับประทานยาธาตุเหล็ก ซึ่งแพทย์จะให้ยาตามขนาดและน้ำหนัก ในเด็กเล็กที่ต้องให้ยาธาตุเหล็กชนิดน้ำ ควรหยอดยาไปด้านหลังลิ้นเพื่อไม่ ให้ติดเป็นคราบดำที่ฟัน เมื่อได้ยาธาตุเหล็ก เด็กจะมีอุจจาระเป็นสีดำ ซึ่งเป็นสีของยาธาตุเหล็กที่เหลือจากการดูดซึม อาจมีอาการคลื่นไส้ ปวด ท้อง ดังนั้นควรกินยานี้หลังอาหาร เพื่อลดอาการข้างเคียงดังกล่าว และบางคนอาจมีท้องผูก หรือท้องเสีย \ ส่วนใหญ่ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก จะตอบสนอง และทนต่อยาธาตุเหล็กชนิดรับประทานได้ดีกว่าในเด็ก (แต่อุจจาระจะมีสีดำผิดปกติเช่นเดียวกับในเด็ก) ยกเว้นในกรณีที่มีความผิดปกติของลำไส้ เช่น ท้องเสียเรื้อรัง หรือผนังลำไส้ผิดปกติ ซึ่งมีผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็ก จึงต้องให้ยาธาตุเหล็กชนิดฉีด ให้รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กปริมาณสูง เช่น เนื้อสัตว์ เลือดสัตว์ เครื่องในสัตว์ ผักใบเขียวเข็ม เช่น ผักตำลึง ในกรณีที่มีภาวะโลหิตจางมาก อาจต้องรักษาด้วยการให้เลือด ควรจะพบแพทย์เมื่อใด? ในเด็กการไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อให้วัคซีนตามอายุ แพทย์อาจตรวจร่างกายพบได้ว่า มีภาวะโลหิตจางเมื่อเด็กมีภาวะโลหิตจางในระดับที่พอตรวจเห็นได้จากการตรวจร่างกาย แต่หากมีภาวะโลหิตจางไม่มาก ในการตรวจร่างกาย แพทย์อาจตรวจไม่พบภาวะโลหิตจาง เพราะแยกยากจากเด็กที่มีผิวขาว ดังนั้นหากบุตรหลานมีอาการหงุดหงิด ไม่อยากรับประทานอาหาร ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ ทางที่ดีและมีการแนะนำคือ เมื่อเด็กอายุ 9 ถึง 12 เดือน หากได้เจาะเลือดตรวจซีบีซี จะช่วยให้ตรวจพบว่าเด็กมีภาวะโลหิตจางหรือไม่ ทำให้วินิจฉัยภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้ ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ป่วยด้วยภาวะโลหิตจางจากโรคธาลัสซีเมีย สูงด้วย การตรวจเลือดซีบีซี จึงช่วยการวินิจฉัยเบื้องต้นของโรคนี้ได้ ซึ่งจะนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องแต่เนิ่นๆ ในเด็กโต หรือในผู้ใหญ่หากมีอาการ เหนื่อย เพลีย เวียนศีรษะ ปวดศีรษะบ่อย หรือมีความผิดปกติ เช่น ถ่ายอุจจาระสีดำเหมือนยางมะตอย (อาการจากมีเลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร) หรือถ่ายเป็นเลือด หรือมีเลือดออกที่ใดผิดปกติ รวมทั้งมีประจำเดือนมากผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรักษาต่อไป รู้ได้อย่างไรว่าเด็กตอบสนองต่อการรักษา? โดยทั่วไป ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์จะดีขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน อาจดีขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงทางระบบเลือด ซึ่งจะมีการสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นใน 3-4 วัน ทั้งนี้การให้ยาธาตุเหล็กจะให้อยู่นานจนภาวะโลหิตจางกลับคืนเป็นปกติ ซึ่งส่วนใหญ่จะปกติภายใน 1 เดือน แล้วจะให้ธาตุเหล็กต่อจนครบเวลาทั้งหมดประมาณ 3 เดือน เพื่อเสริมธาตุเหล็กให้กับอวัยวะสำคัญที่เป็นแหล่งสะสมธาตุเหล็ก (ไขกระดูก ตับ และม้าม) ในเด็กเล็กที่ลดขนาดการกินธาตุเหล็กในแต่ละวันเพื่อป้องกันผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร อาจให้ยานาน 4-6 เดือน อนึ่ง การเปลี่ยนแปลงในเรื่องพัฒนาการ ระบบประสาท ความจำจะดีขึ้นในระยะเวลาไม่นานหลังได้รับการรักษา ป้องกันภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็กอย่างไร เด็กคลอดครบกำหนดจะมีธาตุเหล็กสะสมที่ได้รับจากแม่เพียงพอจนถึงอายุ 4-6 เดือน ในเด็กคลอดก่อนกำหนด (อายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์) จะมีธาตุเหล็กสะสมน้อยกว่าเด็กคลอดครบกำหนด ดังนั้นเด็กกลุ่มนี้หากเลี้ยงด้วยนมแม่ควรให้ธาตุเหล็กเสริม (ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อน ไม่ควรซื้อยาธาตุเหล็กให้เด็กกินเอง) โดยเริ่มตั้งแต่อายุ 1 เดือนถึง 12 เดือน ธาตุเหล็กที่ให้เสริมอาจให้ในรูปของยา (โดยแพทย์แนะนำ) หรือในรูปของอาหารเสริม (ควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล ก่อนการให้อาหารเสริมในเด็กเสมอ) อนึ่ง เด็กคลอดครบกำหนดที่กินนมแม่อย่างเดียวจะมีธาตุเหล็กเพียงพอ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้แม่เลี้ยงลูก ด้วยนมแม่อย่างเดียว (โดยไม่ให้อาหารอื่นๆ) นานถึง 6 เดือน สมาคมด้านโรคเด็กแห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Pediatrics) แนะนำให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 4 เดือน แต่อยากให้นานถึง 6 เดือน แต่หากให้นมแม่อย่างเดียวมากกว่า 6 เดือน จะเสี่ยงต่อการขาดธาตุเหล็กเมื่ออายุเด็กได้ 9 เดือน ดังนั้นหลังเด็กอายุ 6 เดือน ต้องให้อาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กเพียงพอ แต่ควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล ก่อนการให้ยาธาตุเหล็ก หรือ อาหารเสริมธาตุเหล็กกับเด็กเสมอ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียง เช่นท้องเสีย ปวดท้อง ตับ ไต ปอด หัวใจ อักเสบ จากได้ธาตุเหล็กสูงเกินปกติได้ ที่มาจากโดย haamor
สำหรับคนที่ขาดธาตุ เหล็ก หรือ ต้องการเสริมธาตุเหล็กในร่างกายขอแนะนำ . บำรุงร่างกาย บำรุงโลหิต 100 S' สูตร Z-BEC
ช่วยร่างกายในการสร้างเม็ดเลือดแดง การรับประทานโฟเลตร่วมกับวิตามินบี 12 จะช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่มีความสำคัญโดยเฉพาะกับเซลล์ที่มีช่วงอายุสั้นและถูกสับเปลี่ยนได้เร็ว เช่น เซลล์เม็ดเลือดแดง และเซลล์ที่อยู่บริเวณกระเพาะอาหาร และลำไส้ โฟลิค (Folic acid) หรือโฟเลต (Folate) ช่วยร่างกายในการสร้างเม็ดเลือดแดง การรับประทานโฟเลตร่วมกับวิตามินบี 12 จะช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่มีความสำคัญโดยเฉพาะกับเซลล์ที่มีช่วงอายุสั้นและถูกสับเปลี่ยนได้เร็ว เช่น เซลล์เม็ดเลือดแดง และเซลล์ที่อยู่บริเวณกระเพาะอาหาร และลำไส้ ไบโอติน (D-Biotin) ช่วยในสร้างเส้นผมให้แข็งแรง
ธาตุเหล็ก(Ferrous Fumarate) เป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบินซึ่งเป็นเม็ดสีสีแดงในเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปสู่เซลล์และกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์มีบทบาทในการสร้างและจ่ายพลังงานในร่างกาย
หรือ สนใจสั่งซื้อหรือปรึกษาการใช้ครีมรักษาฝ้าได้ที่ สั่งซื้อผ่าน Line ID :@Clinicya.com (มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ) 1. พิมพ์ค้นหาไอดี @Clinicya.com หรือ สแกน QR code ในรูปด้านบน 2. ส่งรูปสินค้ารุ่นที่ต้องการ > รอยืนยันสินค้าพร้อมส่ง สรุปยอดโอน + แจ้งรายละเอียดการโอน 3. หลังโอนแล้ว แจ้งยอด + วัน/เวลา/ธนาคารที่โอน + ชื่อ ที่อยู่สำหรับจัดส่ง แล้ว รอรับพัสดุได้ หรือ โทรปรึกษาการใช้สินค้าได้ที่ 099-191-5416 หรือ 099-191-5416
CALL CENTER : 099-191-5416 …………………………………………………………………………………………………………
การแจ้งชำระเงิน
1. แจ้งชำระเงินผ่านผ่าน Line ID :@Clinicya.com
2. แจ้งชำระเงินทาง Email – Clinicya.com@gmail.com
และกรุณาเก็บหลักฐานการชำระเงินไว้จนกว่าท่านจะได้รับสินค้า*
การจัดส่งพัสดุ
เราจัดส่งพัสดุให้ลูกค้าทางไปรษณีย์หรือKERRYสินค้าจัดส่งทุกวันแจ้งที่
อยู่สำหรับจัดส่งที่ท่านสะดวกตอนทำรายการสั่งซื้อ
มั่นใจได้ ของแท้ 100 % มีหน้าร้านขายยาชัดเจน
ปลอดภัยของถึงชัวร์ ไม่ต้องกลัวของปลอม
|