• ภาวะแสงในขณะทำงานไม่เพียงพอ
• แสงสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
• ตำแหน่งของหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือการจัดท่านั่งที่ไม่เหมาะสม
• ภาวะสายตาที่ไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะสายตายาวหรือสายตาเอียง
อาการของ Computer Vision Syndrome จะประกอบด้วย
• อาการปวดบริเวณรอบดวงตา
• ปวดศีรษะ
• ตาพร่ามัว
• ตาฝืดแห้ง
• อาจมีอาการปวดคอและไหล่ร่วมด้วยซึ่งอาการเหล่านี้มักเป็นชั่วคราวและหายไปเมื่อได้พักจากการใช้คอมพิวเตอร์
การตรวจวินิจฉัย
การวินิจฉัย Computer Vision Syndrome สามารถทำได้จาก
1. การซักประวัติคนไข้ จะพบว่าคนไข้มักทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันโดยไม่มีการหยุดพัก ร่วมกับมีอาการข้างต้นหลังจากที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน และอาการมักจะหายไปเมื่อหยุดพัก
2. การตรวจร่างกาย จะพบว่าตาอาจจะแดงเล็กน้อย ตาแห้ง หรืออาจพบแผลบนกระจกตาลักษณะแบบจุด ความชัดเจนของการมองเห็นมักจะลดลง รวมทั้งอาจตรวจพบว่ามีสายตาที่ผิดปกติร่วมด้วย
การป้องกัน Computer Vision Syndrome สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกัน Computer Vision Syndrome คือ การจัดลักษณะท่าทางและสิ่งแวดล้อมในการใช้คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม โดย-หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา 15 - 20 องศา และบริเวณกลางหน้าจอควรอยู่ห่างจากใบหน้า 50 - 70 ซม. - จัดวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในมุมที่ไม่มีแสง จากภายนอกมาตกกระทบ หรือเลือกใช้หน้าจอชนิดที่ลดแสงสะท้อน (Anti- glare screens or filters) และปรับตั้งความเข้ม (Contrast) ของหน้าจอที่ประมาณ 75% รวมทั้งลดแสงสว่างบนโต๊ะลงเล็กน้อย - ควรมีการพักสายตาระหว่างการใช้งานทุกๆ 20 นาที โดยการมองออกไปที่ระยะไกลอย่างน้อย 20 ฟุต (หรือ 6 เมตร) เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที และควรหยุดใช้งาน 15 นาที หลังจากที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเกิน 2 ชั่วโมง
- สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี การเลือกใช้แว่นตาและเลนส์ที่ได้รับการเคลือบสารเคมี (Multicoat) จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคได้ - หมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดวงตาหรือสายตา และควรรับการตรวจสุขภาพตาจากจักษุแพทย์เป็นประจำ
จะเห็นว่าในยุคปัจจุบัน Computer Vision Syndrome เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรา โดยที่บางคนอาจจะเป็นโรคนี้โดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน และถ้าปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการใส่ใจ และแก้ไขที่สาเหตุ อาการที่กล่าวมานั้นก็จะกลับเป็นซ้ำ และอาจมีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต ในกรณีที่ Computer Vision Syndrome ถูกละเลยไม่ได้รับการรักษา อาการเหล่านี้จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นปัญหาที่เรื้อรังแก้ไขได้ยาก และในที่สุดอาการเหล่านี้จะติดตัวคนไข้ไปตลอด นอกจากนี้ภาวะตาแห้งที่รุนแรงยังอาจทำให้กระจกตาเป็นแผลอักเสบ หรือติดเชื้อซึ่งมีผลต่อการมองเห็นหรือแม้กระทั่งตาบอด
หรือสูญเสียลูกตาได้
ที่มาโดย
ศูนย์จักษุวิทยาเฉพาะทาง โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล