หลังเก็บตัวเงียบมาพักใหญ่ เมื่อธุรกิจยาและธุรกิจโรงแรมถูกมรสุมกระหน่ำหลายครั้งหลายครา ทั้งที่เกี่ยวพันกับคดีทุจริตของนักการเมือง และการถอดสูตรยา"พีพีเอ" กระทบต่อ "ทิฟฟี่" ยาตัวหลักของบริษัท หรือแม้แต่โรงแรมที่กรุงพนมเปญ กัมพูชาถูกเผา แต่เมื่อทุกสิ่งผ่านการพิสูจน์ "วินัย วีระภุชงค์" ประธานกลุ่มไทยนครพัฒนา บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายยาเวชภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีโอกาสเล่าถึงธุรกิจ ระหว่างการไปร่วมสัมมนาที่โรงแรมโซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟแอนด์ สปา รีสอร์ท เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
"วินัย วีระภุชงค์" วัย 81 ปี หน้าตาสดใสดูอ่อนกว่าอายุ สุขภาพยังแข็งแรงดี
ประโยคแรกที่เอ่ยเมื่อถามถึงธุรกิจ
"ผมไม่ได้หวังอะไร ผมสม่ำเสมอ โรงแรมที่พนมเปญถูกเผาผมยังเฉย ๆ เลย มันเผาไปแล้ว คิดอะไรล่ะ" ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
วินัย เริ่มต้นเล่าถึงการขยายธุรกิจของไทยนครพัฒนาในอาเซียนว่า ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเวลานี้ได้เข้าไปลงทุนหมดแล้วทั้ง 10 ประเทศ และมั่นคงดีด้วย "คือก่อนจะเข้าไปก็ดูว่าแต่ละประเทศฐานของเราเป็นยังไง ไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์อย่างเดียว เราต้องดูกำลังของเราด้วย คนของเราพร้อมไหม เราอยากทำธุรกิจก็อย่าเลือกทุกข์ ถ้าทุกข์ ไม่เอา ในเวียดนามเรามีโรงงานยา มีนำยาเข้า กัมพูชาก็เช่นกัน อินโดนีเซียเราต้องดูเราแข็งแรงพอไหม ทีมพร้อมไหม ถ้าไม่พร้อมเราก็ไม่ไป ไปแล้วทุกข์กังวล ก็อย่าไป"
"ธุรกิจ หลักของผมอยู่ในกรอบโรงงานยากับโรงแรม ผมชอบทำและผมมีความสุขส่วนน้ำดื่ม (ยี่ห้อลีออง) เป็นสินค้าใหม่ มีโรงงานที่เวียดนามและในกัมพูชา เป็นธุรกิจที่บังเอิญ ทีแรกลูกน้องเขาทำแล้วไปไม่ได้ เราเลยเอามาทำ บังเอิญว่ามันดีและโตขึ้นมาก" ซึ่งวินัยหมายถึงยอดขายที่ขายได้ปีละ 200 ล้านบาทเลยทีเดียว
เมื่อถามว่าระหว่างนี้ลดบทบาทในบริษัทลงไปมากจะ วางมือแล้วหรือ ? ประธานไทยนครพัฒนากล่าวปนหัวเราะ "ไม่วางหรอก แต่ให้คำปรึกษาแทน ส่วนคนที่ลงมือทำคือลูก ๆ หลาน ๆ เราจะทำตลอดคงไม่ได้ ลูกและหลานเขาก็เข้าใจนโยบาย ตอนนี้ลูก ๆ หลาน ๆ ก็ใจบุญ ธรรมะกันหมด"
"ผม บอกเสมอว่านโยบายหลักของเรา คือ ซื่อสัตย์ เห็นใจลูกน้อง ยิ่งกับคนจนความเป็นอยู่เขาน่าสงสาร คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ผมมีโอกาสมาทำยาขาย ก็พยายามทำดีที่สุดเพื่อให้ได้ยาดีแก่ประชาชน และราคาที่ดี ไม่เอาเปรียบ บอกดีคือดี สำหรับที่กัมพูชาหลังจากโรงแรมถูกเผา ก็มีคนมาร่วมหุ้น 5% ตอนนี้ 4 ธุรกิจที่นี่อยู่ได้ รัฐบาลเขาให้เกียรติเรามาก เขาว่าเรามาช่วยพัฒนา นี่คือสิ่งที่เราภูมิใจและผมตั้งใจไว้ ผมต้องการจะสร้างสิ่งที่ดี ๆให้เขา เมื่อประเทศเขาเจริญ เราก็ได้ด้วย ตอนแรกที่จะมาลงทุนคนเตือนเรื่อย โอ้ย...กัมพูชาอย่ามาเลย แต่ผมเห็นว่าจะรบกันไปจนตายเหรอ ไม่มีทางหรอก ผมจึงมาลงทุน"
หากเจาะลึกลงไปในธุรกิจที่มีอยู่ขณะนี้ไทยนครพัฒนายึด หัวหาดกลุ่มประเทศอินโดจีนและอาเซียนในธุรกิจยาไปหมดแล้ว กรอบหลักอีกอันคือธุรกิจโรงแรม ซึ่งนอกเหนือจากกลุ่มโภคีธราและรีสอร์ต 3 แห่งที่เสียมเรียบ พนมเปญ ประเทศกัมพูชา และที่ จ.กระบี่ ประเทศไทยแล้ว เป้าหมายต่อไปคือการขยายโรงแรมในประเทศไทยไปในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่อง เที่ยวใหญ่ ๆ ปีละ 2 แห่งเป็นอย่างน้อย ไม่จำเป็นต้องระดับ 5 ดาว โดยปลายปีนี้พุ่งเป้าสร้างโรงแรมขนาด 3 ดาวที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งอยู่ระหว่างการดูพื้นที่วินัยมีคำแนะนำสำหรับการทำธุรกิจ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเอง "คุณต้องมองออกว่าที่ที่คุณจะทำธุรกิจ ทำแล้วไปได้ ยั่งยืนไหม คำว่า "เสี่ยง" มันต้องมี ถ้าคุณเสี่ยงแล้วเดือดร้อนก็ไม่ถูก ไม่ควรลงทุน แต่ถ้าเสี่ยงแล้วเอ้อ...ไม่เดือดร้อน คุณลงทุนไปสิ การลงทุนมันเสี่ยงหมดแหละ แต่ถ้าเสี่ยงแล้วเสียหายอย่าไปเสี่ยง"
"ถามผมนะ เขมรตอนนี้แน่นไปหมดแล้วแหละ แต่ธุรกิจท่องเที่ยวยังน่าลงทุน แต่ก่อนเหรอไม่มีอย่างนี้หรอก ทั้งเสียมเรียบทั้งพนมเปญไม่มีอะไร แต่ตอนนี้โรงแรมที่เสียมเรียบมี 20,000 ห้องได้ แขกมาเที่ยวปีหนึ่งคนละครั้งก็พอแล้ว เหลือแหล่ หรือถ้าคุณมีแบรนด์สินค้าดี ๆ จะมาลงทุนก็ยังมาได้อยู่นะ"
มาถึงคำถามยอดฮิต ยอดขายของไทยนครพัฒนา วินัยบอกว่าไม่ได้เพิ่มมากขึ้น เป็นปกติเท่าเดิม ดูจะอ่อนลงจากเดิมนิด ๆ ด้วยซ้ำไป "แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ค่อยหนักใจ ผมคิดว่าธุรกิจต้องคิดดี ถ้าคิดดีถึงทำ ถ้าไม่ดีจะแก้ยังไง เพราะฉะนั้น จะมายังไงผมไม่สน เพราะผมคิดไว้หมดแล้ว แก้แบบนี้รับได้ไหม ถ้ารับได้ก็จบ ไม่กังวลไม่ทุกข์"
"ผมถือว่ายอดขาย ขายมากขายน้อยไม่ติดใจ แต่ผมคิดว่าขายยังไงให้ประชาชนพึงพอใจ แล้วเราอยู่ได้ ผมไม่คิดว่ายอดขายเยอะ ส่วนแบ่งตลาดเยอะ เราดีใจ ไม่ใช่ เพราะถ้าเราดีใจคนอื่นก็ต้องเสียใจ ไม่เอา หลักการเป็นอย่างนี้ นโยบายเป็นอย่างนี้ ไปตรงไหนก็สบายใจหมด"
"สิ่งที่น่าห่วงตอนนี้ผม ห่วงคนรากหญ้าไม่มีเงิน ถ้ามีงานทำเขาก็มีเงิน ข้อสำคัญถึงแม้เขาไม่มีเงินแต่ต้องได้สินค้าดี ๆ ราคาถูก ซึ่งสินค้าเราคุณภาพดีและราคาก็ถูกกว่าฝรั่งเยอะ เราไม่ขึ้นราคายา คงเดิมขนาดราคาเดิมยังขายไม่ค่อยจะได้" (หัวเราะเสียงดัง)
ในสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวไปทั้งโลกวินัยบอกว่า ได้แต่หวังว่ามันจะดีขึ้น เมื่อถามว่าเมื่อไหร่ เขาบอกไม่รู้ "อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เพราะเรายังไม่รู้มันจะยังไง ดีไม่ดีเราไม่ได้ขายคนเดียว ขยันหน่อยก็จบ
"เศรษฐกิจ มันไม่ใช่ดีตลอด มันมีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา เหมือนคลื่น ในเมื่อเราตั้งใจทำดีแล้ว มันไม่ดีก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าไม่ทำแล้วมันไม่ดี นั่นแหละจะเสียใจ" ประธานไทยนครพัฒนากล่าวทิ้งท้าย

คุยกับ "วินัย วีระภุชงค์" ในวัย 81 ปี กับการพา "ไทยนครพัฒนา" ฝ่าคลื่นเศรษฐกิจ
TAG : ร้านขายยาส่ง เปิดร้านขายยา ขายส่งยา ซื้อยาราคาส่ง ขายยาส่ง คุยกับ "วินัย วีระภุชงค์" ในวัย 81 ปี กับการพา "ไทยนครพัฒนา" ฝ่าคลื่นเศรษฐกิจ
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
|